16552 จำนวนผู้เข้าชม |
"Volcanic lightning"
เป็นปรากฏการณ์ที่มีโอกาสเกิดขึ้นยากมาก เกิดจากการรวมตัวกันระหว่างการปะทุของภูเขาไฟ และกลุ่มก้อนเมฆที่ก่อตัวขึ้นมาเป็นพายุอยู่เหนือภูเขาไฟพอดี จึงทำให้เกิดฟ้าผ่าในบริเวณนั้น
"Crystal Ice Cave"
คือ ถ้ำน้ำแข็งที่สวยงามตระการตาในเมืองสตัฟทาเฟล (Skaftafell) เป็นถ้ำที่เกิดในทะเลสาบแช่แข็งทะเลสาบที่เกิดจากธารน้ำแข็งสวีนาเฟลล์โจกุล (Svínafellsjökull Glacier)
โดยถ้ำแห่งนี้มีปากถ้ำที่เป็นปล่องน้ำแข็งสูงประมาณ 22 ฟุต แต่เนื่องจากสภาพอุณหภูมิที่ค่อนข้างมีการเปลี่ยนแปลงบ่อย รูปแบบของถ้ำน้ำแข็งจึงไม่ค่อยแน่นอน และมีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา
"Glacier"
ธารน้ำแข็งเกิดจากการที่หิมะตกลงมาแล้วสะสมกันจนหนา 45-60 เมตร แล้วเกิดการเคลื่อนตัวลงมาอย่างช้า ๆ
ซึ่งมักจะเกิดบริเวณที่ลาดชันหรือตามไหล่เขา การเคลื่อนตัวลงมาตามไหล่เขาอย่างช้า ๆ ทำให้เกิดการสึกกร่อนลึกลงไปเพราะความหนักของหิมะที่สะสมกันจนเป็นน้ำแข็ง
"Reynisfjara Beach"
หาดทรายที่เห็นนั้นคือทรายจากภูเขาไฟที่มีลักษณะเป็นก้อนกรวดสีดำละเอียด
เมื่อมองเข้าไปใกล้ ๆ จะเห็นลักษณะของหินสีดำแวววาลราวกับอัญมณี
โดยหินเหล่านี้มีจำนวนมากกระจายไปทั่วทั้งหาดจนทำให้กลายเป็นชายหาดสีดำ
"Aurora"
ปรากฏการแสงออโรร่า หรือ แสงเหนือ-แสงใต้ เป็นตัวอย่างปรากฏการณ์ทางฟิสิกส์ที่น่าทึงที่สุดที่เกิดขึ้นในอวกาศที่ใกล้พื้นโลก
มันอาจปรากฏจากสิ่งจางๆ เป็นวงนิ่ง แล้วระเบิดออกมาเป็นสีต่าง ๆ พุ่งกระจายภายในเวลาไม่กี่วินาที
บางครั้งจะปรากฏเหมือนมันจะแตะกับพื้น หรือในเวลาอื่นอาจเห็นมันพุ่งทยานสูงขึ้นสู่ท้องฟ้า เป็นสิ่งมหัศจรรย์ที่ธรรมชาติสร้า้งขึ้น เกิดสีสีนหลากหลายสร้างความประหลาดใจแก่ผู้พบเห็น
ปรากฎการณ์นี้จะพบเห็นได้ในเขตขั้วโลกเท่านั้น
"Solar Eclipse"
สุริยุปราคา หรือ สุริยคราส เป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติ เกิดจากการที่ดวงจันทร์โคจรผ่านระหว่างดวงอาทิตย์และโลกในเวลากลางวัน ทำให้เรามองเห็นดวงอาทิตย์ค่อย ๆ เว้าแหว่งไป
จนกระทั่งดวงจันทร์บดบังดวงอาทิตย์ไว้ทั้งหมด เวลานั้นแม้เป็นกลางวันแต่โลกก็จะมืดลงไปชั่วขณะ และเมื่อดวงจันทร์ผ่านพ้นไป ดวงอาทิตย์ก็จะกลับมาส่องสว่างอีกครั้ง
"Lake Hillier"
คือทะเลสาบน้ำเค็มสีชมพูที่สวยงามมากตั้งอยู่ในหมู่เกาะขนาดใหญ่ที่สุดของ หมู่เกาะ Recherche Archipelago
โดยเกาะนี้จะตั้งอยู่ที่ทางตะวันตกของประเทศออสเตรเลีย
ทำไมถึงมีสีชมพูได้? ทะเลสาบนี้เกิดจากแบคทีเรีย Dunaliella ที่ผลิตสารแดงในการดูดซับแสงอาทิตย์ยิ่งโดนแสงเยอะมากเท่าไรก็จะยิ่งเข้มข้นในบางครั้งสีของทะเลสาบนี้ออกมาเป็น สีแดงเลยทีเดียว
"Ice Bubble"
เกิดขึ้นจากสิ่งมีชีวิตที่ตายแล้วสารอินทรีย์ตกลงไปในน้ำและจมลงสู่ก้นทะเลสาบ แบคทีเรียด้านล่างทำปฏิกิริยากับมีเธนและก่อตัวเป็นหยดสีขาวลอยตัวเมื่อสัมผัสกับน้ำแช่แข็ง
จากนั้นจะแข็งตัวเป็นเลเยอร์ จนเกิดปรากฏการณ์ที่น่าอัศจรรย์นี้ขึ้น
"Magma"
แมกมาจะอยู่ในชั้นเนื้อโลก ที่อยู่ระหว่างชั้นเปลือกโลก ซึ่งเป็นชั้นบนสุด และชั้นแก่นโลก
แมกมามีลักษณะเป็นหินหนืดหลอมเหลว ประกอบด้วยแร่ธาตุหลากหลายชนิด ธาตุที่พบส่วนใหญ่คือ แร่ซิลิกา แร่ซิลิกาเป็นแร่ที่เรารู้จักกันดีในการนำมาทำแก้วหรือคริสตัล
"Mammatus"
มีลักษณะคล้ายกับสำลีก้อน หรือถุงน้ำที่ห้อยลงมาจากท้องฟ้า มักจะเกิดขึ้นในบริเวณที่มีพายุรุนแรง
"Milky Way"
ทางช้างเผือก คือดาราจักรที่มีระบบสุริยะและโลกของเราอยู่ เมื่อมองบนท้องฟ้าจะปรากฏเป็นแถบขมุกขมัวคล้ายเมฆของแสงสว่างสีขาว
ซึ่งเกิดจากดาวฤกษ์จำนวนมากภายในดาราจักรที่มีรูปร่างเป็นแผ่นจาน ส่วนที่สว่างที่สุดของทางช้างเผือกอยู่ในกลุ่มดาวคนยิงธนู ซึ่งเป็นทิศทางไปสู่ใจกลางดาราจักร
"Lava"
เมื่อเกิดเหตุการณ์ภูเขาไฟระเบิด แมกมาที่อยู่ชั้นเนื้อโลกเกิดการปะทุออกมา เราเรียกว่า ลาวา นั่นเอง
"Rainbow clouds"
เป็นปรากฏการณ์ที่เกี่ยวข้องกับแสงที่มากระทบกับเมฆ การที่เราสังเกตเห็นเมฆนั้นมีสีรุ้ง เรียกว่า เมฆสีรุ้ง (Rainbow clouds)
ปรากฏการณ์นี้เกิดจากแสงเดินทางมากระทบกับละลองน้ำขนาดต่างๆ แล้วเกิดการหักเหเปลี่ยนทิศทางไปจากแนวเดิม แสงหรือแสงขาว
ประกอบด้วยแสง 7 สี รวมเป็นแสงขาว แสงแต่ละสีมีความยาวคลื่นต่างกัน
"Rainbow"
ปรากฏการณ์ทางธรรมชาติที่เรามักจะพบเห็นได้หลังช่วงเวลาฝนตก เนื่องจากเป็นปรากฏการณ์ที่เกิดจากการหักเหของแสงอาทิตย์เข้าสู่แนวสายตาเป็นมุม 40° - 42° ผ่านละอองน้ำในอากาศทำให้เกิดแถบสเปกตรัมปรากฏเป็นเส้นโค้งสีรุ้งขึ้นบนท้องฟ้า
"Supercell thunderstorm"
พายุฝนฟ้าคะนองแบบซูเปอร์เซลล์ สามารถเกิดขึ้นได้ทุกที่ภายใต้สภาวะที่เป็นไปได้
ส่วนใหญ่พบที่ Tornado Alley คือบริเวณที่เกิดทอร์นาโดบ่อยอย่างในสหรัฐอเมริกา และบริเวณ Tornado Corridor ในอาร์เจนตินา อุรุกวัย และบราซิลตอนใต้
"Lightning"
ปรากฏการณ์ ฟ้าผ่า ฟ้าแลบ เกิดขึ้นจากเมฆฝนฟ้าคะนอง โดยก้อนเมฆแต่ละก้อนมีประจุไฟฟ้าสะสมเคลื่อนที่
เมื่อเกิดการไหลของประจุไฟฟ้าภายในเมฆก้อนเดียวกัน จะทำให้เกิดปรากฏการณ์ ฟ้าแลบ
แต่ถ้าประจุไฟฟ้าเกิดการเคลื่อนที่ ไหลข้ามจากเมฆก้อนหนึ่งไปยังเมฆอีกก้อนหนึ่ง จะทำให้เกิดเส้นสายฟ้า ซึ่งถือเป็นปรากฏการณ์ฟ้าผ่าชนิดหนึ่ง
แต่หากพื้นดินมีวัตถุแหลมสูงขึ้นมาจากพื้นดิน สายฟ้าอาจจะผ่านลงมาที่วัตถุได้ เรียกปรากฏการณ์นี้ว่า ฟ้าผ่า
"Yellow clouds"
โดยปกติเกิดในช่วง พระอาทิตย์ขึ้น และพระอาทิตย์ตก เกิดจากการกระเจิงของแสงในชั้นบรรยากาศ ไม่ได้เกิดจากเมฆโดยตรง เมฆเพียงเป็นตัวสะท้อนแสงนี้เท่านั้น
ในกรณีที่มีพายุฝนขนาดใหญ่ในช่วงเดียวกันจะทำให้เห็นเมฆ เป็นสีแดงเข้ม เหมือนสีเลือด