3746 จำนวนผู้เข้าชม |
ในการถ่ายเครื่องประดับต้องเน้นที่ความใสแวววาว สะอาดสะอ้านตา ไร้ฝุ่นเกาะ หรืออาจจะใช้น้ำยาเครือบเงาช่วยให้เครื่องประดับเงางามมากยิ่งขึ้น เพื่อให้ดูเป็นของที่มีระดับสมราคา
ด้วยความที่สินค้าประเภทนี้เป็นสินค้าที่มีราคาที่สูง การที่จะทำให้สินค้าดูแพงขึ้นมาในสายตาคนดูได้คือการใช้เงาหรือแสงสะท้อนในภาพให้เยอะ ๆ เพื่อช่วยดึงดูดสายตาให้น่าหลงใหลชวนมอง
ส่วนอุปกรณ์ในการถ่ายภาพ อาจไม่ถูกกำหนดว่าอันไหนดี อันไม่ดี แต่ถ้าแอดมินจะแนะนำก็คือ
1. กล้อง (รุ่นใดก็ได้)
2. เลนส์แบบไหนก็ได้ แต่ถ้าเน้นรายละเอียดต้องใช้เลนส์ macro
3. ไฟต่อเนื่องหรือแฟลช
แน่นอนว่าการตั้งค่ากล้องในโหมด M จะสามารถควบคุมค่าต่าง ๆ ได้อย่างแม่นยำ
การใช้งานในโหมดออโต้ต่าง ๆ อาจะทำให้ค่าแสงมีการผิดเพี้ยนได้
ตำแหน่งของการจัดแสง เพื่อให้เกิดจุดตกกระทบทำให้เครื่องประดับมีแสงและเงาสะท้อนเกิดคอนทราส ช่วยเสริมให้วัตถุโดดเด่นขึ้นมา แตกต่างกับการถ่ายภาพในสตูแบบเดิม ๆ
การถ่ายเครื่องประดับที่เมื่อยิงภาพไปตรง ๆ อาจทำให้เห็นได้เพียงแค่ด้านเดียว
การที่มีสิ่งที่ช่วยสร้างภาพสะท้อนขึ้นมาก็จะเป็นการช่วยให้ภาพถ่ายเครื่องประดับมีหลายมิติมากขึ้นทำให้ลูกค้าได้เห็นในหลาย ๆ มุม ช่วยเพิ่มโอกาสในการตัดสินใจซื้อได้ง่าย
การนำเสนอเครื่องประดับที่ทำให้สื่อไปยังลูกค้า ได้ง่ายที่สุดคือ คือกับตัวนางแบบไปเลย เพราะเครื่องประดับที่อยู่บนเรือนร่างดูจะเป็นเรื่องที่คนดูเข้าใจง่ายที่สุดว่า ถ้าใส่ออกมาแล้วจะสวยแบบไหน ก็สวยแบบนางแบบที่ใส่อยู่ไง เข้าใจง่ายดี
Prop จะช่วยส่งเสริมให้ผลิตภัณฑ์มีความน่าสนใจมากขึ้น ด้วย สี รูปร่าง รวมไปถึงแรงบันดาลด้วย
ถือว่าเป็นท่าไม้ตายเลยก็ว่าได้ เพราะเลนส์ Macro จะสามารถช่วยให้เห็นรายละเอียดทั้งหมดของตัวสินค้า ถ่ายยังไงก็สวยค่า
การเลือกใช้โทนสีของภาพ ให้เข้ากับตัวผลิตภัณฑ์
ทั้งนี้ทั้งนั้น ไม่ได้หมายถึงว่าโทนสีไปในทิศทางเดียวกัน
แต่เรายังสามารถใช้สีที่ตรงข้ามอย่างสิ้นเชิงได้เช่นกัน เช่น ผลิตภัณฑ์ของเราสีทอง (สว่าง) เราสามารถใช้พื้นหลัง + Prop ให้เข้ากันได้เช่นกัน
ต่อเนื่องจากข้อที่แล้ว การเลือกผลิตภัณฑ์ในพื้นหลังที่ดี จะช่วยส่งเสริมให้ผลิตภัณฑ์เด่น และดูสง่ามากยิ่งขึ้น
การสร้างแนวความคิด (Concept) ให้กับงาน จะสามารถจูงใจให้ลูกค้า หรือเหล่า Designer รู้สึกอินกับตัวผลิตภัณฑ์ของเรา
เพราะจะทราบถึงเรื่องราว และที่มาของผลิตภัณฑ์นั้น ๆ ได้